Archive for category Restaurant Marketing

การตลาดร้านอาหารกับสัมผัสทั้ง 5 – Sensory Marketing

วันนี้ขอเขียนบทความเกี่ยวกับ “การตลาดร้านอาหารกับสัมผัสทั้ง 5 – Sensory Marketing” ซึ้งอยู่ในหมวดหนึ่งของการทำการตลาดที่เกี่ยวเนื่องกับประสบการณ์ของลูกค้า (Experiential Marketing)

พูดกันง่ายๆ ว่าปัจจุบันนี้ใครจะเปิดร้านอาหารสุ่มสี่สุ่มห้า แล้วคิดว่าลูกค้าจะเดินเข้าร้านมากินง่ายๆ ไม่ค่อยมีอีกแล้ว เพราะลูกค้ายุคใหม่ ใช้หลายปัจจัย ในการเลือกทานอาหาร เลือกซื้อสินค้า เลือกใช้บริการ ฉะนั้นเราต้องสร้างประสบการณ์ภายในร้านอาหารของเรา ให้ลูกค้าได้มาสัมผัสรับรู้ความเป็นแบรนด์ของร้านเราผ่านสัมผัสทั้ง 5 สิ่ง และบ่งบอกความเป็นแบรนด์ของร้านอาหารเรา

5 Sence ห้าสัมผัสก็ประกอบไปด้วย รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส แล้วถ้าถามว่า สัมผัสทั้ง 5 มีส่วนในการสร้างแบรนด์ร้านอาหารของเราได้อย่างไร? ต้องอธิบายว่า หากยอมรับว่าการสร้างแบรนด์คือ การสร้างชื่อเสียง (Brand = Reputation) ชื่อเสียงที่สร้างขี้นจะต้องเป็นชื่อเสียงที่สัมผัสได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทำให้ผู้บริโภครับรู้ว่าเมื่อมาร้านเรา เขาจะต้องได้รับสัมผัสไม่ทางใดทางหนึ่ง ก็หลายๆสัมผัสพร้อมๆกัน  เรื่องของ Sense มาเกี่ยวกับการสร้างแบรนด์ร้านอาหาร เพราะ Sense เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างเอกลักษณ์ของร้านอาหารเรา

Sense 1: Sight หรือ Visual identity

การจดจำสิ่งที่เห็นถือเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญที่สุด เช่น การเลือกโลโก้ร้าน สีธีมของร้าน การใช้แสงสีไฟภายในร้าน เป็นการสร้างภาพจดจำให้กับผู้บริโภค การทำร้านอาหาร คุณต้องมีแนวทางที่ชัดเจนว่าร้านจะใช้ธีมร้านสีอะไร ใช้โลโก้ร้านแบบไหน สีหลักเป็นสีอะไร ให้อารมณ์ ความรู้สึกแบบไหน นั้นเป็นภาพจดจำที่ชัดเจนในทุกครั้งที่ลูกค้ากลับมาใช้บริการของร้านของคุณ ลองนึกถึงร้าน Mcdonald’s ซิคุณนึกถึงอะไร ภาพโลโก้รูปตัวเอ็มใหญ่ๆ อยู่ในแบร็คกราวน์สีแดง โผล่ออกมาเลยใช่ไหม่ หรือนึกถึงร้านกาแฟสตาร์บัค ภาพนางเงือกบนโลโก้สีเขียว บรรยากาศภายในร้านที่น่านั่ง แสงไฟที่ไม่สว่างมากนัก เหมาะต่อการนั่งจิบกาแฟไปพร้อมกับดื่มด่ำบรรยกาศภายในร้านไปเรื่อยๆใช่ไหม

ทำร้านอาหารสมัยนี้ บรรยากาศภายในร้าน ถือเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างแรกๆ เพราะหลายๆคนไม่ได้เลือกร้านที่จะนั่งทานจากความอร่อยของอาหารป็นอันดับแรกแล้ว บรรยากาศภายในร้านตั้งหาก ที่มีส่วนช่วยตัดสินใจเดินเข้าร้าน ร้านอาหารหลายๆร้านในเมืองกรุงจึงให้ความสำคัญกับการออกแบบตกแต่งร้านอาหาร ให้มีสไตล์เป็นของตัวเอง เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่

Sense 2 : Smell หรือ Olfactory identity

กลิ่น ถือว่าเป็นสัมผัสที่สำคัญมาก ต่อธุรกิจร้านอาหาร การทำให้ลูกค้าได้จดจำกลิ่นของอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ได้ ย่อมได้เปรียบทางการแข่งขัน ขอยกตัวอย่างเคสร้านสตาร์บัค เกี่ยวกับเรื่องกลิ่นอีกครั้ง ใครการตามที่เดินผ่านร้านสตาร์บัค จะต้องได้รับกลิ่นหอมๆของกาแฟสตาร์บัค ฟุ้งออกมารอบๆร้าน จนยั่วยวนใจให้เดินเข้าไปใช้บริการ ทั้งทีบางทีอาจจะไม่ได้มีเป้าหมายอยากดื่มมาก่อนก็ตาม

อีกเคสนึง ขอยกตัวอย่างจริงจากร้านเล็กๆร้านนึง ขายข้าวโพดอบเนย ร้านตั้งอยู่ใกล้ทางขึ้นเรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยา เจ้าของร้านสังเกตุว่าเวลาที่มีลูกค้ามาซื้อข้าวโพดอบเนยที่ร้าน อีกสักพักก็มักจะมีลูกค้าคนที่ 2-3 ตามมาซื้อติดๆกันเสมอ ก็เนื่องมาจาก พอแม่ค้าเปิดฝาหม้อนึ่งอบข้าวโพด กลิ่นหอมยั่วยวนใจ ก็ได้ไปกระตุ้นจมูกของลูกค้าคนอื่นๆที่เดินผ่านมา จนต้องหยุดซื้อตามๆกัน จนตอนหลังแม่ค้ารู้เทคนิคนี้ก็เลย ใช้วิธีเปิดฝาหม้อนึ่งให้กลิ่นหอมๆ โชยออกมาทุกครั้งที่มีเรือเข้ามาจอดที่ท่า ผลก็คือได้ลูกค้ามุงซื้อข้าวโพดอบเนยมากมาย เป็นเทคนิคเล็กๆที่ดึงดูดลูกค้าได้ดีอย่างทีเดียว ลองประยุกต์ไปใช้กันดูนะครับ

Sense 3 : Sound หรือ Sonic identity

เสียง เป็นอีกหนึ่งสัมผัสที่สามารถสร้างความจดจำต่อแบรนด์ได้ ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น เพลงจิงเกิ้ลของรถขายไอติม Wall’s ถึงแม้ว่าตัวเราอยู่ในบ้าน แต่เมื่อได้ยินเสียงนี้เมื่อไร ก็จดจำได้ว่ารถขายไอติมวอลล์มาแล้ว เป็นการสร้างความจดจำด้านเสียง ที่ปลุกฝังมานาน กรณีร้านอาหารการใช้เสียง ภายในร้านมีได้หลายแบบ ทั้งเสียงเพลงที่เปิดภายในร้าน ควรทำให้เป็นธีมเดียวกัน ถ้ามาร้านเราจะต้องเปิดเพลงแนวนี้เท่านั้น ไม่ใช่มั่วเปิดเพลงทุกสไตล์

หรือการสร้างเอกลักษณ์ทางเสียงขณะประกอบอาหาร ก็เป็นอีกวิธีนึงที่น่าสนใจเช่นกัน ยกตัวอย่างร้านทาโกะยากิชื่อดังร้านนึง ชื่อร้านกินดาโกะ ซึ้งเป็นร้านขายทาโกะยากิอย่างเดียวจากญี่ปุ่นมาเปิดในไทย จุดเด่นอย่างนึงของร้านนี้ซึ้งถือเป็นกิมมิคที่ดีคือ ขณะพนักงานกำลังตั้งใจทำเจ้าทาโกะยากิอยู่ พนักงานจะพร้อมใจกันตะโกนเป็นภาษาญี่ปุ่นดังๆ “อิรัชไชมาเซะ!” และคำอื่นอีก(ฟังไม่ออก) แต่เป็นการเรียกลูกค้า และสร้างบรรยากาศขณะรับประทานได้ดีทีเดียว จนหลายๆคน แค่เดินผ่าน พอได้กลิ่นหอมและเสียงเรียกลูกค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของร้าน ก็กลายมาเป็นตัวเรียกลูกค้าเข้าร้านได้สบายๆ

Sense 4 : Unique Taste

รสชาติ แน่นอนธุรกิจร้านอาหาร รสชาติเป็นปัจจัยหลักที่ต้องให้ความสำคัญ การสร้างสรรค์รสชาติอาหารให้มีเอกลักษณ์เฉพาะของร้าน ยากต่อการเลียนแบบ จะทำให้ลูกค้าติดใจในฝีมือการทำอาหารของร้านคุณ  จนต้องกลับมาทานใหม่ คุณลองคิดซิ เคยไหมที่อยากกินอาหารเมนูนี้ แล้วต้องไปกินที่ร้านนี้เท่านั้น นั้นแหละที่เรียกว่า Unique Taste

Sense 5 : Touch  หรือ Tactile identity

การสร้างการรับรู้ของแบรนด์ผ่านการสัมผัส สำหรับร้านอาหารคงต้องพูดถึงการทำให้ลูกค้าได้มีกิจกรรมเล็กๆน้อยๆ ในระหว่างที่ทาน หรือก่อนการทาน ไม่ใช่อาหารที่ปรุงมาเสร็จแล้วทานได้ทันที แต่อาจจะมีกิมมิคอะไรเล็กน้อย ให้ลูกค้าได้ D.I.Y ทำเองอีกนิดก่อนทาน หรือจัดการกับอาหารของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น

  • ร้านเปปเปอร์ลันซ์ ร้านสเต็กญี่ปุ่น ที่เสริฟ์อาหารแบบจานร้อนที่ยังปรุงไม่สุกเต็มที่ แต่ให้ลูกค้ามาทำการคลุกเคล้าเองบนโต๊ะอาหารต่ออีกนิด ควันหอมกรุนๆ การละเลงอาหารด้วยตัวเอง เป็นการสร้างประสบการณ์ก่อนทาน ที่ดีทีเดียว
  • ร้านอาหารแนวปิ้งย่าง ร้านสุกี้หม้อไฟ ร้านจิ้มจุ่ม ก็จัดเป็นร้านอาหารที่ลูกค้าได้มีประสบการณ์ในการปรุงอาหารเอง ก่อนทาน ก็ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งของการสร้างการรับรู้ผ่านการสัมผัสเช่นกัน

อ่านมาครบ สัมผัสทั้ง 5 แล้วลองเอาไปปรับดูนะครับ ว่าร้านอาหารของคุณจะสามารถประยุกต์เอา Sense ไหนไปใช้ได้บ้าง ยิ่งร้านคุณสามารถสร้างการรับรู้หลายๆสัมผัสมากเท่าไร ลูกค้าก็จะยิ่งจดจำแบรนด์ของคุณได้มากเท่านั้น สุดท้ายอวยพรขอให้ทุกท่านขายดิบขายดีครับ

 

-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=

รับโปรโมท ประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร ,ดูแลการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจร้านอาหาร
ด้วย Digital Marketing สร้างช่องทางใหม่ๆ เรียกลูกค้าผ่านโลกออนไลน์
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=

Tags: , ,

สั่งอาหารสุดไฮเทค ด้วยเมนู Interactive บน iPad

นับวันเทคโนโลยีใหม่ๆ ยิ่งเข้ามามีผลกับการดำเนินชีวิตมากขึ้นเรื่อย แล้วร้านอาหารของคุณละ เตรียมพร้อมกับยุคสมัยดิจิตอลนี้แล้วรึยัง

วันนี้ขอยกเอาตัวอย่างของร้านอาหารต่างประเทศที่เริ่มประยุกต์ใช์ iPad มาแทนเมนูอาหารแบบเดิมๆกัน

โดยทั่วไปร้านอาหารแทบทุกร้านก็มักจะทำเมนูอาหารในรูปแบบแคทตาล็อก โชร์รายการอาหารและรูปอาหาร แยกกันตามหมวดหมู่ของประเภทอาหาร ใช่ไหม ลูกค้าก็เปิดเมนูอาหาร แล้วก็สั่งบริกรตามปกติ แต่วันนี้ iPad จาก Apple อาจช่วยสร้างความแปลกใหม่ ในการสั่งอาหารในร้านของคุณได้ด้วย Application ที่พัฒนาขึ้นมาเป็นเมนูอาหารแบบ Interactive สร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ ให้กับลูกค้าของคุณมากยิ่งขึ้น แทนที่จะเปิดเมนูอาหารแบบเดิม เปลี่ยนเป็นการกดเมนูอาหารบนหน้าจอไอแพด เลือกเมนูที่ต้องการ กดดูรูปอาหารพร้อมดูส่วนประกอบของอาหารได้อีกด้วย ลูกค้าสามารถกดสั่งอาหารได้ทันทีจากหน้าจอ iPad โดยApp อาจจะมีช่อง Option ต่างๆให้ลูกค้าเลือกได้เองเช่น

  • สั่งต้มยำกุ้ง สามารถกดเลือกไซน์ได้ว่าต้องการเป็นหม้อไฟ ถ้วยกลาง หรือถ้วยเล็ก
  • สั่งสเต็กเนื้อ โปรแกรมก็จะถามคุณทันทีว่าต้องการแบบสุกระดับไหน โดยโชร์ภาพระดับการย่างให้คุณดูก่อนเลือก
  • โปรแกรมอาจสร้างให้มีคำแนะนำ ไวน์ที่เหมาะสมกับประเภทเนื้อที่คุณสั่งมารับประทานได้ด้วย
  • หากไม่ต้องการใส่ส่วนประกอบอาหารบางชนิดที่คุณไม่ชอบ ก็เลือกได้ เช่นไม่ใส่พริก ไม่ใส่หอมใหญ่
  • ลูกค้าสามารถทวนรายการอาหารพร้อมค่าใช้จ่าย ก่อนจะกดยืนยันรายการอาหารที่สั่ง

ความสะดวกสบาย จะเพิ่มมากขึ้นแน่นอน และรายการอาหารที่สั่งทั้งหมดจะออนไลน์ไปที่ห้องครัวและแคชเชียร์ทันที

ลองดูตัวอย่างจากคลิปวีดีโอข้างล่างนี้ ร้านอาหารจากออสเตรเลียและจากญี่ปุ่น ในการประยุกช์ใช้ iPad menu

ที่มา: news.com.au

-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=

รับวางแผนการตลาด ประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร โปรโมท,โฆษณาร้านอาหาร
ด้วย Online Marketing สร้างช่องทางใหม่ๆ เรียกลูกค้าผ่าน Internet
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=

Tags: , , ,

Case studyการใช้ Facebook Marketing กับร้านอาหาร

วันนี้อยากมาเล่าถึงเคสการใช้ Facebook Marketing กับร้านอาหาร ที่เรียกว่าช่วยทั้งเพิ่มยอดขาย และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าของร้าน ได้อย่างมากทีเดียว

ผมทำ E-Marketing ให้ร้านอาหารเกาหลีเล็กๆอยู่ร้านนึงย่านพญาไท แต่ก่อนร้านนี้คนจะไม่ค่อยรู้จักมากนัก เพราะทำเลที่ตั้งของร้านอยู่ในซอยของคอนโด และไม่ใช่ทางผ่านของคนทั่วไป หากไม่ใช่เป็นคนที่อาศัยอยู่ในคอนโดนั้น ก็แทบจะไม่รู้จักร้านนี้เลยแหละ

ผมได้ทำ E-Marketing เพื่อประชาสัมพันธ์ธุรกิจด้วยหลายๆช่องทาง อันนึงที่ใช้คือการสร้าง Facebook FanPage ของร้านขึ้นมา ซึ้งก็เหมือนกับหลายๆธุรกิจที่สร้าง FanPage เอาไว้เชื่อมต่อพูดคุย-สื่อสารกับลูกค้า แต่ผมมองถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคกลุ่มหลักของร้าน ซึ้งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น กำลังเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัย รวมถึงคนทำงานรุ่นใหม่ ซึ้งส่วนใหญ่สมัครใช้งาน Facebook กันเกือบทั้งหมด และใช้มือถือ Smartphone ยี่ห้อดังๆ ทั้ง iPhone , BB , Android กันทั้งนั้น

เนื่องด้วยเจ้าของร้านSALANG  ซึ่งมีกัน 3 คน เป็นเกาหลี 1 คนไทย 2  ค่อนข้างที่จะดูแลลูกค้าที่มารับประทานอาหารได้อย่างดีมาก เดินมาช่วยปิ้ง ช่วยย่างให้กับลูกค้าเป็นประจำ เสิรฟ์น้ำ เสิร์ฟอาหารเองตลอด ทำให้ลูกค้ารู้สึกดีและประทับใจในตัวเจ้าของร้านมากๆ

เทคนิคที่ใช้ในร้านนี้ก็คือ สร้างรหัส QR-code และลิงค์ URL ของ Facebook FanPage ของร้านขึ้นมา แล้วติดไว้ที่โต๊ะอาหารทุกตัวในร้าน ซึ้งลูกค้าที่มาทานอาหารในร้าน สามารถที่จะสแกนโค้ด และลิงค์เข้า Facebook ของร้านได้โดยตรง

Facebook marketing2

กิมมิคนึงของร้านนี้คือ เจ้าของร้านมักจะหยิบกล้องมาถ่ายรูปลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มๆ (ขออนุญาตก่อนถ่ายทุกครั้ง) ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นมัธยม มหาลัย และคนทำงานรุ่นใหม่ ก็จะไม่ค่อยเขินกันนัก แถมบางกลุ่มยังชอบให้ถ่ายอีกด้วย และเจ้าของร้านก็จะขออัพรูปที่ถ่ายกันนี้ขึ้นไปบน Facebook ของร้าน ใครอยากตามดูรูปตัวเอง ก็เข้าไปกด “Like” เป็น FanPage  แล้วก็ไปดูรูปกลุ่มตัวเองที่มาทานที่ร้านนี้ได้

FB Marketing

กิมมิคอีกอันนึงก็คือ หากลูกค้าคนไหนมาเป็นแฟนเพจ แล้วกด Tag รูปตัวเองและพ้องเพื่อน ก็จะทำให้รูปภาพที่ไปทานอาหารที่ร้านนี้ ไปขึ้นในสเตตัสของ Facebook เจ้าตัวด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ  เพื่อนคนอื่นๆของคนที่ถูก Tagรูป ก็จะเห็นเพื่อนกำลังนั่งกินอาหารเกาหลี เห็นบรรยากาศของร้าน และก็มักจะคอมเมนต์ว่า ไปกินอะไรมา? ร้านไหน? เมื่อไร? คอมเมนต์กันไปๆมาๆ สุดท้ายมักจะจบด้วย วันหลังพาไปกินกันนะ น่าอร่อยจัง ประมาณนี้แทบทั้งนั้น

มันเปรียบเสมือนทำ Viral marketing ทางอ้อม เพราะได้ลูกค้ากลุ่มๆใหม่ๆเข้ามาลองทาน โดยมีลูกค้าเก่าเป็นคนเชื้อเชิญ | ส่วนลูกค้าเก่าพอวันหลังกลับไปดูเฟซบุ๊คของตัวเองมาเจอรูปที่มากินกันที่ร้าน ก็จะเกิดอาการอยากกลับมาทานอีกครั้ง เป็นการสร้าง Awareness ได้ดีจริงๆ

ส่วนคนที่ยังไม่เคยมาทานที่ร้าน ได้เข้าไปดูรูปกลุ่มอื่นๆที่เคยมาทานอาหารของร้าน ก็จะมีความรู้สึกที่ดี ดูบรรยากาศเป็นกันเอง ดูครึกครื้น และเกิดอารมณ์อยากมาลองรับประทานบ้าง ก็เป็นแรงกระตุ้นให้ตัดสินใจมาทานที่ร้าน ได้อีกแรงเช่นกัน

Tagรูปใน facebook

-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=
รับวางแผนการตลาด ประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร โปรโมท,โฆษณาร้านอาหาร
ด้วย Online Marketing สร้างช่องทางใหม่ๆ เรียกลูกค้าผ่าน Internet
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=

Tags: , , ,

ประยุกต์ใช้ QR-code กับร้านอาหาร

QR-code  (คิวอาร์โค้ด) ในเมืองไทยเริ่มนิยมมาได้ระยะนึงแล้ว ช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมานี้ เจ้าบาร์โค้ดรูปแบบสีเหลี่ยมๆ นี้ฮิตไปทั่ว แบรนด์ต่างๆ เอาเจ้า QRcode ไปประยุกต์ใช้ ต่อยอดทำการตลาดกันมากมาย เพราะคิวอาร์โค้ดนั้นลดขั้นตอน ทีลูกค้าต้องมาจดจำชื่อยาวๆ เพราะเพียงยกมือถือมาสแกน ก็จะถอดรหัสออกกลายเป็นลิงค์ เข้าสู่หน้าเว็บที่เราตั้งค่าไว้ได้เลย

ตอนนี้แบรนด์ใหญ่ๆ เริ่มใช้เจ้ารหัส QR-code หรือ บางคนเรียกว่าเป็น 2D barcode กันมากขึ้น เปิดหนังสือพิมพ์ก็เริ่มเห็นรหัส คิวอาร์โค้ด มากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ ก็จะเอา URL website มาแปลงเป็นรหัส QRcode กัน แล้วก็แสดง Code ไว้ในส่วนหนึ่งของหน้าโฆษณา เพื่อให้คนที่มีมือถือที่มีโปรแกรมถอดรหัสได้(ส่วนมากเป็น SmartPhone) มาสแกน แล้วลิงค์ตรงไปหน้าเว็บไซต์ของสินค้าแบรนด์นั้นได้เลย ซึ่งก็สะดวกดี ไม่ต้องมานั่งจำชื่อเว็บยาวๆอีกต่อไป แล้วปัจจุบันคนไทยเราก็ใช้มือถือเข้าเว็บกันมากขึ้นด้วย

ผมเองก็เลยปิ้งไอเดียว่า เราสร้าง Facebook ให้ร้านอาหารที่ดูแลอยู่ก็หลายร้าน ทำไมลูกค้าที่เขามารับประทานอาหารในร้านต้องมานั่งจำชื่อ FacebookPage ยาวๆของร้านด้วย จึงได้เริ่มต้นสร้างรหัส QR-code เพื่อลิงค์เข้า Facebook FanPage ของร้านโดยตรง โดยให้ติดป้ายแสดงเจ้าตัวรหัส QR-code นี้ไว้ข้างๆโต๊ะอาหารทุกโต๊ะ และจุดต่างๆที่ลูกค้าสามารถเดินผ่าน และสังเกตุเห็นได้

ข้อดีคือ ลูกค้าที่มีมือถือจำพวก SmartPhone ต่างๆ ทั้ง  iPhone , Android Phone , Window Phone รวมถึง Nokia , Samsung  และมือถือรุ่นใหม่ๆ มักจะมีโปรแกรมถอดรหัสเจ้าคิวอาร์โค้ดนี้ได้อยู่แล้ว เพียงแค่หยิบมือถือแล้วเอากล้องมาสแกนที่รหัสของเรา มันก็จะถอดรหัสออกมาเป็น URL ได้ตามที่เราตั้งค่าไว้ (ส่วนมากผมใส่ URL facebook Pageของร้าน) แล้วลูกค้าก็มากดปุ่ม “Like” หรือ“ถูกใจ” ได้เลย เป็นการเพิ่มยอดสมาชิก FanPage ได้ดีทีเดียว เป็นการสร้างช่องทางใหม่ๆ ให้ลูกค้าของร้าน เกิดความประทับใจ และเปลี่ยนลูกค้าขาจร มาเป็นลูกค้าขาประจำได้อีกด้วย

 

 

Tags: , , , ,

ชวนไปงาน Thailand Restaurant&Bar 2010

ช่วงปลายเดือนมิถุนายน 53 นี้จะมีงาน Exhibition สำหรับผู้ที่สนใจในแวดวง ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ผับ Bar&Restaurant และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Food Service ทั้งหมด นั้นก็คืองาน

Thailand International Restaurant & Bar 2010

สถานที่  : Impact เมืองทองธานี Convention Hall 1-2

วันจัดงาน : 23-25 มิถุนายน 2553

เวลา : 10.00 – 18.00 น.

Open for Trade Visitor เท่านั้น(ผู้เข้าร่วมงานต้องลงทะเบียนล่วงหน้าเท่านั้น)

  • เป็นการจัดงานแสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติด้าน ธุรกิจโรงแรม บาร์ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร การจัดเลี้ยงและ ส่วนงานการให้บริการ
  • รวบรวมผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมร้านอาหาร ร้านกาแฟ และบาร์ ไว้ในงานเดียว
  • นับเป็นกิจกรรมเชิงการตลาดแบบตัวต่อตัวที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
  • การแลกเปลี่ยนข้อมูลและสร้าง เครือข่ายสำหรับผู้ประกอบการด้านร้านอาหาร บาร์ และร้านกาแฟ
  • ผู้ร่วมแสดงงานมากกว่า 150 องค์กร และกว่า 10,000 ผู้ชำนาญทางธุรกิจ และนักซื้อจากทั่วประเทศไทย และประเทศในแถบเอเชีย

R&B2010

สนใจเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติม และเข้าไปลงทะเบียนเข้างานได้ที่

http://www.thairestaurantandbar.com/

Tags: , , , ,