Posts Tagged Restaurant Marketing

วิธีทำป้ายชื่อร้าน-ชื่ออาหาร ให้ขายฝรั่งต่างชาติสำหรับร้านริมถนน

เดินผ่านร้านไก่ทอดแถวๆสีลม ร้านนึงอยากจะชื่นชมเจ้าของจัง ผมยกให้เป็นตัวอย่างร้านขายอาหาร SME ดีเด่นเลย ขายของย่านฝรั่งเยอะๆอย่าง งี้ควรทำป้ายเป็น 2 ภาษาครับ เขียนชัดๆไปเลยว่าขายอะไร-ราคาเท่าไร-ทำให้ร้านดูดีขึ้นเยอะ-ฝรั่ง-คนจีน-ญี่ปุ่น-ชาติใดๆมาก็อ่านออก ดูแล้วกล้าซื้อ อีกอย่างทำสะอาดๆด้วยนะ ดูคลีนๆ ทำป้ายให้น่าดูน่าอ่าน ทำร้านให้สะอาดดูมีอนามัย ใครเห็นก็อยากอุดหนุน

อย่างร้านนี้ชื่อร้าน “ตี๋คอนแวนต์” ขายไก่ทอด แต่ดูป้ายสิครับ เขียนคำอธิบาย ชิ้นส่วนไก่ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษชัดเจนดีมาก แถมบอกราคาแบบชัดๆเลย ฝรั่งหรือคนต่างชาติพอเห็นว่าเป็นไก่ทอดก็เข้าใจแล้ว ยิ่งพออ่านป้ายของแต่ละประเภท ก็ยิ่งเก็ทง่ายขึ้น อีกอย่างร้านนี้เขาทำป้ายด้านบน กับการวางสินค้าไว้ตรงกับตำแหน่งดีมากด้วยครับ ใครเห็นก็เข้าใจได้ไม่ยากเลย

StreetFood_sign2lang

 

ส่วนตัวผมชอบไปเดินหน้าห้าง CentralWorld บ่อยๆแม่ค้าแถวนั้นแทบไม่มีใครทำป้ายภาษาอังกฤษเลยว่าขายอะไร-ราคาเท่าไร ซึ้งร้านรถเข็นหน้าเซ็นทรัลเวิร์ดก็มีขายหลายประเภท ทั้งส้มตำ-น้ำตก-ลูกชิ้น-หมูย่าง-ก๋วยเตี๋ยว-ข้าวตามสั่ง

ผมเคยเห็นบ่อยๆ พวกคนจีน-ญี่ปุ่น ที่เดินอยู่หน้าห้างเซ็นทรัลเวิร์ด เขายืนดูอยู่หน้าร้าน ท่าทางอยากซื้อมากๆ แต่ไม่รู้ว่าขายอะไร หรือไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร สั่งยังไง ราคาเท่าไร แม่ค้าส่วนใหญ่ภาษาอังกฤษก็พูดไม่ค่อยได้ด้วย เลยอดได้ยอดขายจากต่างชาติเลย จริงๆน่าเสียดายแทนแม่ค้า ถ้าทำป้ายเขียนภาษาอังกฤษสักนิด (หรือถ้าจะเป็น 3 ภาษา ใส่ภาษาจีนลงไปอีกด้วยก็ยิ่งขายดีเข้าไปใหญ่)

จริงๆถ้าคิดจะทำป้าย เขียนว่าขายอะไรบ้างเป็นภาษาอังกฤษ (หรือภาษาจีน-ญี่ปุ่น เพิ่มเข้าไปอีก) ก็ถือว่าลงทุนไม่มากเลย แถมได้ยอดขายเพิ่มขึ้นอีกเยอะด้วย เอาเป็นว่าผมแนะนำเลยครับ เหล่าพ่อค้า แม่ค้าแบบริมถนนในย่านที่ฝรั่งเยอะๆ ผมเชียร์สุดใจขาดดิ้น ให้พวกพี่เริ่มปรับร้านให้เข้ายุค AEC ซักทีนะ ทำป้ายบอกชัดๆไปเลยว่าขายอะไร โดยวิธีการก็ไม่ยากครับ

  1. ดูว่าร้านเราขายอาหารอะไรบ้าง มีกี่ประเภท ราคาเท่าไรบ้าง
  2. ชื่ออาหารภาษาไทยเรารู้กันอยู่แล้ว วิธีการหาชื่อภาษาอังกฤษไม่ยากนัก ง่ายที่สุดเข้าไปเสิร์ชหาจากกูเกิลเลย เช่น ร้านข้าวหมูแดง ก็เสิร์ชกูเกิลด้วยคำว่า “ข้าวหมูแดง ภาษาอังกฤษ” แล้วจะเจอผลการค้นหาหลายๆเว็บลองเข้าไปดูครับ มีหลายเว็บเขียนบอกไว้อยู่แล้ว อย่างเช่นที่ผมลองค้นหาเองจากกูเกิลเจอมาคือ

-ข้าวหมูแดง – BBQ pork with stream rice
-ข้าวหมูกรอบ – Roasted pork with stream rice
-ข้าวหน้าเป็ด – Roasted duck with stream rice
-ข้าวมันไก่ – Boiled chicken with oily rice
-บะหมี่ – Egg noodles
-เกี๊ยว – Wonton
-หอยทอด – Pan-fried crispy mussel with bean sprout
-เย็นตาโฟ – Noodles with seafood soup and red sauce (ชนิดของเส้น เช่น เส้นเล็ก = rice noodles, บะหมี่ = egg noodles, เส้นหมี = rice vermicelli, วุ้นเส้น = vermicelli, เส้นใหญ่ = flat rice noodles)
-ผัดซีอิ้ว – Stir fried noodles with egg, pork, green vegetables, and sweet soy bean sauce
-ราดหน้า – fried noodles with gravy, chineses broccoli, and choice of meat (e.g. chicken, pork, beef, and seafood)

3. ถ้าหาจากกูเกิลแล้วยังไม่ได้ชื่ออาหารที่ร้านคุณขาย ก็ลองไปตั้งกระทู้ถามชาวพันทิปดูครับ ผมเห็นบ่อยๆ มีคนมาตั้งกระทู้ถามว่าอาหารอย่างนี้ ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร ภาษาจีนเรียกว่าอะไร เดี๋ยวก็มีคนรู้มาช่วยตอบให้เอง

4. รวบรวมข้อมูลทั้งหมด เดินไปหาร้านทำป้าย บอกเขาว่าจะทำป้ายขนาดเท่าไร เขียนอะไรบ้าง จริงๆอีกอย่างที่อยากให้เพิ่มนะ ถ้ามีรูปอาหารด้วยจะยิ่งเวิร์คมาก เหมือนเวลาไปร้านฟาส์ฟู้ด เห็นรูป+ชื่ออาหาร+ราคา ดูแป็ปเดียวเก็ทเลย และอย่างลืมใส่หมายเลขกำกับไว้ด้วย เช่น No.1 ข้าวหมูแดง No.2 คือข้าวหมูกรอบ No.3 ข้าวหน้าเป็ด อะไรอย่างงี้ ฝรั่งบางชาติพูดภาษาแล้วฟังยาก ให้เขาบอกว่าจะกินอาหาร Number อะไรบอกมา อย่างงี้ก็ง่ายด้วยทั้งแม่ค้า และคนสั่ง

แค่นี้แหละ ก็ขายอาหารให้ฝรั่งได้แล้ว โดยที่ไม่ต้องเก่งภาษาอังกฤษเลย

ผมจำได้เคยอ่านข่าวมาว่า StreetFood เมืองไทย หรือร้านอาหารริมถนนของบ้านเรานี้อร่อยติดอันดับโลกเลยนะ จนฝรั่งชาติใดๆมาเที่ยวก็อยากจะมาลองอาหารแบบบ้านๆ Street Food กันทั้งนั้น เพราะทั้งอร่อยและราคาประหยัดมากๆอีกด้วย

 

-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=

รับโปรโมท ประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร ,ดูแลการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจร้านอาหาร
ด้วย Digital Marketing สร้างช่องทางใหม่ๆ เรียกลูกค้าผ่านออนไลน์
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=

Tags: , , ,

อยากเปิดร้านอาหารใหม่ ต้องทำอย่างไรบ้าง

ธุรกิจร้านอาหารถือว่าเป็นธุรกิจฮอตฮิตที่ใครๆก็อยากทำ เพราะอาหารการกิน ถือเป็นปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิตประจำวัน ยังไงซะคนเราก็ต้องทานอาหารวันละ 3 มื้อ ธุรกิจร้านอาหารในเมืองไทยเราจึงเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟูมาก

Market shop.

ที่นี้เรามาดูว่าหากคิดจะเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองสักร้านนึง เราต้องทำอะไรบ้าง

1.การจดทะเบียนพาณิชย์หรือทะเบียนนิติบุคคล ซึ้งแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะใหญ่คือ เมื่อจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจแล้ว จะมีสถานะเป็นบุคคลธรรมดาหรือเป็นนิติบุคคล

ลักษณะของธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นบุคคลธรรมดา

  • เป็นการไปจดทะเบียนเพื่อแจ้งให้รู้ว่าคุณได้เริ่มต้นประกอบกิจการอย่างถูกต้องและเปิดเผย มีหลักแหล่งและสถานที่ตั้งของกิจการชัดเจน มีชื่อปรากฎอยุ่ในระบบการค้าของประเทศอย่างถูกต้อง
  • เรื่องภาระตามกฎหมาย การทำนิติกรรมสัญญา การชำะภาษีเงินได้ ยังคงเป็นไปในนามของตัวคุณซึ้งเป็นเจ้าของกิจการ
  • การไปจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจแบบนี้เราเรียกว่า จดทะเบียนพาณิชย์ หรือที่คุ้ยเคยกันว่าทะเบียนการค้า
  • ขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาไม่เกินชั่วโมงกับค่าธรรมเนียมเพียง 50 บาท ถ้าอยู่ต่างจังหวัดก็ไปยื่นจดทะเบียนพาณิชย์ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดของจังหวัดที่ตั้งกิจการ

ลักษณะของธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล

  • เมื่อจัดตั้งกิจการแล้วในทางกฎหมายถือว่าตัวธุรกิจนั้นๆ แยกออกโดยเด็ดขาดกับความเป็นบุคคลธรรมดาของเจ้าของกิจการ การจะทำการใดๆ เป็นไปในนามกิจการทั้งหมด เหมือนว่ากิจการนี้เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่เกิดขึ้นมาตามกฎหมาย
  • ประเภทของการจัดตั้งธุรกิจใหม่ที่เป็นนิติบุคคล โดยส่วนใหญ่มี 2 ประเภทคือ บริษัทจำกัด และ ห้างหุ้นส่วนจำกัด
  • สถานที่ที่จะไปยื่นจดทะเบียนบริษัทจำกัดและห้างหุ้นส่วนจำกัด ถ้าในเขตกทม. ก็ไปยื่นจดได้ที่สำนักงานบริการทะเบียนธุรกิจ หรือที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าถนนนนทบุรี อ.เมือง จ.นนทบุรี ส่วนในต่างจังหวัด ติดต่อที่สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัด ซึ้งมีอยู่ทุกจังหวัด ดูข้อมูลเพิ่มเติ่มที่เว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า www.dbd.go.th

 

กฎหมายควรรู้สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหาร

ถือเป็นเรื่องปวดหัวเล็กๆ แต่ก็ต้องรู้ไว้สักหน่อยถือข้อกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่จะเปิด

ภาษีอากรสำหรับธุรกิจ SME

  • ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา  กิจการร้านค้าที่จดทะเบียนเป็นทะเบียนพาณิชย์ ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด 94 ในครึ่งปีแรก และยื่นแบบ ภ.ง.ด 90 อีกครั้งในครึ่งปีหลัง
  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล ธุรกิจที่จะทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัทจำกัด ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด 51 ในครึ่งปีแรกเพื่อประมาณการรายได้ จากนั้นเมื่อสิ้นปีจะยื่นแบบ ภ.ง.ด 52 พร้อมส่งงบดุลและมีการตรวจสอบบัญชีด้วย
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม ถ้าเป็นทะเบียนพาณิชที่มีรายได้ทั้งปีไม่ถึง 1,800,000 บาทต่อปี ไม่ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่มก็ได้ แต่ถ้ามีรายได้เกิน หรือเป็นธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล (ห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัทจำกัด) ทุกรายต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แบบ ภ.พ. 01) เพื่อจะสามารถคำนวณภาษีที่ต้องเสียจากภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อ

กฎหมายแรงงาน

ถือเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่ผู้ประกอบการ ต้องทำความเข้าใจ ซึ้งกฎหมายที่ควรให้ความสนใจคือ

กฎหมายเกี่ยวกับการจ้างแรงงาน

มีประเด็นสำคัญที่คุณควรรู้คือ หลักเกณฑ์ในการทำสัญญาจ้าง หน้าที่ของทั้งลูกจ้างและของนายจ้าง การเลิกสัญญาจ้าง

  • สัญญาจ้าง มีการกำหนดคู่สัญญาเป็น 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายเจ้าหนี้ ฝ่ายลูกหนี้ กำหนดถึงสิทธิหน้าที่ และการบอกเลิกสัญญา การจ้างลูกจ้างมาทำการงานให้แก่ตนในลักษณะเป็นงานประจำ มีการจ่ายค่าจ้างเป็นรายระยะเวลาที่ชัดเจน และนายจ้างมีอำนาจบังคับบัญชา ซึ้งถือเป็นการจ้างแรงงานที่ไม่จำเป็นต้องทำสัญญา เพียงแต่ทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงกันก็เกิดสัญญาแล้ว

กฎหมายประกันสังคม

เมื่อคุณจัดตั้งธุรกิจ (ไม่ว่าเป็นรูปแบบบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล) คุณต้องไปขึ้นทะเบียนประกันสังคมนายจ้างและลูกจ้าง ที่สำนักงานประกันสังคมในพื้นที่จังหวัดที่กิจการตั้งอยู่ และมีหน้าที่ในการนำส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคม โดยเงินที่นำส่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ในส่วนของลูกจ้าง(ทุกคน) โดยหักนำส่งในอัตราที่สนง.ประกันสังคมกำหนดไว้ และในส่วนที่สอง คือส่วนที่นายจ้างต้องจ่ายสมทบเป็นจำนวนเท่ากับจำนวนรวมของเงินสมทบในส่วนของลูกจ้าง (ข้อมูลเพิ่มเติมดูที่เว็บกระทรวงแรงงาน www.mol.go.th และเว็บประกันสังคม www.sso.go.th )

 

restaurant-icon

เนื่องจากการเปิดร้านอาหาร หรือร้านขายอาหารเป็นกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพผู้บริโภค หรือก่อให้เกิดความรำคาญแก่ผู้อยู่อาศัยข้างเคียงได้ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมหรือกำกับดูแลร้านอาหาร ทางกรุงเทพมหานครจึงได้ออกข้อบัญญิติ เรื่องสถานที่จำหน่ายและสถานที่สะสมอาหาร พ.ศ 2545 โดยอาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญิติการสาธารณสุข พ.ศ 2535

ห้ามมิให้ผู้ใดจัดตั้งร้านอาหาร ในอาคารหรือพื้นที่ใด เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองการแจ้งจากสำนักงานเขต ดังนั้นร้านอาหารที่ตั้ง ณ พื้นที่ใดๆก็ตามในกรุงเทพ ต้องไปแจ้งเรื่องต่อฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล สำนักงานเขต เพื่อขอรับหลักฐานสำคัญ ดังนี้
1.ร้านอาหารที่มีพื้นที่ไม่เกิน 200 ตารางเมตร ต้องยื่นคำขอเพื่อขอรับ “หนังสือรับรองการแจ้ง” มีค่าธรรมเนียม 1000 บาท
2.ร้านอาหารที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 200 ตารางเมตรขึ้นไป ต้องยื่นคำขอเพื่อขอรับ “ใบอนุญาต” มีค่าธรรมเนียม 3000 บาท

หลักฐานที่ต้องนำมาประกอบ
1.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาทะเบียนบ้าน ของผู้ขอรับใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองการแจ้ง
2.สำเนาทะเบียนบ้านของที่ตั้งร้านอาหาร
3.สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้แทนนิติบุคคล
4.หนังสือมอบอำนาจที่ถูกต้องตามกฎหมายพร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ (กรณีผู้ประกอบการไม่สามารถยื่นคำขอด้วยตนเอง)
5.กรณีการต่อใบอนุญาตต้องแนบวุฒิบัตร
6.แผนที่ร้านอาหาร พอสังเขป
ขั้นตอนการเปิดร้านอาหาร
1.ไปติดต่อที่สำนักงานเขตที่ตั้งของร้านอาหาร ยื่นคำร้องต่อฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล
2.เตรียมเอกสารต่างๆและหลักฐานประกอบให้พร้อม
3.กรอกแบบฟอร์มที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล สำนักเขตจัดให้ ดังนี้
– ก ร้านใหม่ = คำขอรับใบอนุญาตหรือหนังสือรับรอง แจังจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหารหรืสถานที่สะสมอาหาร (แบบ สอ.1)
-ข ร้านเก่า= คำขอต่ออายุใบอนุญาตจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหารหรือสถานที่สะสมอาหาร (แบบ สอ.5)

กรณีบอกเลิกกิจการ
ต้องยื่นคำขอบอกเลิกการดำเนินกิจการสถานที่จำหน่ายอาหารหรือก สถานที่สะสมอาหาร (แบบ สอ.10)

กรณีโอนกิจการ
ต้องยื่นคำขอโอนการดำเนินกิจการสถานที่จำหน่ายอาหารหรือสถานที่สะสมอาหาร (แบบ สอ.11)

กรณีแก้ไขใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองการแจ้ง
ต้องยื่นคำขอแก้ไขใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองการแจ้ง จัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหารหรือสถานที่สะสมอาหาร (แบบ สอ.12)

4.เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารหลักฐาน และตรวจสุขลักษณะของร้านอาหารตามเกณฑ์ด้านสุขลักษณะ สรุปผลการตรวจสอบและเสนอให้ผู้อำนวยการเขตพิจารณาออกใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองการแจ้ง

กรณีหนังสือรับรองการแจ้ง เมื่อเจ้าหน้าที่เขตได้รับแจ้ง ให้ออกใบรับแจ้ง (สอ.2) แก่ผู้ประกอบการเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการประกอบกิจการตามที่แจ้งได้ชั่วคราวในระหว่างเวลาที่จนท.เขตยังไม่ได้ออกหนังสือรับรองการแจ้ง

ถ้าเจ้าหน้าที่เขตตรวจสอบแล้วถุกต้องตามแบบที่กำหนด ให้ออกหนังสือรับรองการแจ้งภายใน 7 วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง

กรณีใบอนุญาต เมื่อจนท.เขตได้รับคำขอรับใบอนุญาตหรือคำขอต่ออายุใบอนุญาต ให้ตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของหลักฐาน
ถ้าจนท.เขตตรวจสอบแล้วพบไม่ถูกต้องตามแบบที่กำหนด ให้แจ้งผู้ประกอบการทราบภายใน 15 วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับคำขอ
เจ้าหน้าที่เขตต้องออกใบอนุญาตหรือมีหนังสือแจ้งคำสั่งไม่อนุญาตพร้อมด้วยเหตุผลให้ผู้ขออนุญาตทราบภายใน 30 วัน นับแต่วันได้รับคำขอ ซึ้งมีรายละเอียดถุกต้องหรือครบถ้วนตามที่กำหนดในข้อกำหนดท้องถิ่น
5.เจ้าหน้าที่แจ้งให้ผู้ได้รับใบอนุญาตมารับ พร้อมกับชำระค่าธรรมเนียมภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง หากพ้นกำหนดแล้วไม่มารับใบอนุญาตหรือไม่ชำระค่าธรรมเนียม ให้ยกเลิกการอนุญาตนั้น

เจ้าหน้าที่แจ้งให้ผู้รับหนังสือรับรองการแจ้งมารับพร้อมกับชำระธรรมเนียมภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง หากพ้นกำหนดแล้วไม่มารับหนังสือรับรองการแจ้งหรือไม่ชำระค่าธรรมเนียม ให้ยกเลิกการอนุญาตนั้น

การชำระค่าธรรมเนียมให้เป็นไปตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องค่าธรรมเนียมสำหรับการดำเนินกิจการตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ 2547

6.ในกรณีที่ใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองการแจ้งสูญหายถูกทำลาย หรือชำรุดในสาระสำคัญ ต้องยื่นคำขอต่อจนท.ที่ฝ่ายสิงแวดล้อมและสุขาภิบาล สำนักเขตนั้นๆ เพื่อขอรับใบแทนใบอนุญาต หรือหนังสือรับรองการแจ้งภายใน 15 วัน นับแต่วันที่สูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุดในสาระสำคัญพร้อมกับเอกสารแจ้งความ

7.ผู้ได้รับใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองการแจ้ง ต้องแสดงโชร์ในร้านอย่างเปิดเผยและเห็นได้ง่าย ตลอดเวลาที่เปิดดำเนินการ

คำเตือน
-หนังสือรับรองการแจ้ง ไม่ต้องยื่นคำขอต่ออายุรายปี แต่ต้องชำระค่าธรรมเนียมทุกปี ก่อนครบรอบปี
-ใบอนุญาต ต้องยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตพร้อมชำระค่าธรรมเนียม รายปีก่อนจะหมดอายุ
-กรณีที่ผู้มายื่นคำขอใบอนุญาตล่าช้า เลยวันสิ้นอายุ เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะรับคำขอต่อไว้โดยถือว่าเป็นการค้างชำระค่าธรรมเนียม และจะเรียกเก็บค่าปรับเพิ่มร้อยละ 20

 

นอกจากนี้หากร้านท่านจำหน่ายสุราและบุหรี่ด้วย ก็ต้องไปทำเรื่องกับสำนักงานสรรพสามิต ในเขตพื้นที่ท้องถิ่นของท่านเพื่อ ทำเรื่องขอใบอนุญาตจำหน่ายสุรา ประเภทที่3 และใบอนุญาตจำหน่ายยาสูบ อีกด้วย

หากร้านท่านมีการเปิดเพลงให้ลูกค้าฟัง (เปิดเพลงจากแผ่นหรือสื่อใดๆ) ก็ควรติดต่อบริษัทจัดเก็บลิขสิทธิ์เพลง จ่ายเงินให้ค่าลิขสิทธิ์เพลงด้วย ซึ้งแต่ละค่ายเพลงจะจัดตั้งบริษัทจัดเก็บลิขสิทธิ์ที่แตกต่างกัน (ตรงนี้ต้องขอบอกว่าค่าลิขสิทธ์เพลง ไม่แพง แต่ถ้าไม่จ่ายแล้วถูกจับได้ทีหลัง อันนี้จะจ่ายแพงกว่าอีกเป็นสิบๆเท่า ฉะนั้นจ่ายก่อนดีกว่า หรือไม่ก็เลี่ยงโดยการไปเปิดเพลงจากคลื่น FM แทนซะเลย

และหากร้านอาหารท่านมีบริการห้องคาราโอเกะด้วย ก็ต้องติดต่อจ่ายค่าลิขสิทธิ์เพลงคาราโอเกะ (ไม่เหมือนเพลง Audio ที่เปิดในร้านทั่วๆไป) ซึ้งคิดค่าลิขสิทธิ์เพลงคาราโอเกะเป็นห้องๆ หรือเป็น Harddisk (กรณีเพลงอยู่ในคอมในแต่ละห้อง) ซึ้งจะได้รับสติกเกอร์มาติดที่เครื่องเพื่อแสดงว่าได้จ่ายค่าลิขสิทธิ์แล้ว กรณีถูกตรวจสอบ

 

Credit: คู่มือธุรกิจ SMEs ตอนก่อร่างสร้างธุรกิจ by K SME

-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=

รับโปรโมท ประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร ,ดูแลการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจร้านอาหาร
ด้วย Digital Marketing สร้างช่องทางใหม่ๆ เรียกลูกค้าผ่านโลกออนไลน์
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=

 

Tags: , , , ,

ผลสำรวจบทความรีวิวร้านอาหารออนไลน์มีผลต่อการตัดสินใจมากถึง 72%

ในยุคก่อนที่จะมีอินเตอร์เน็ต การซื้อสินค้าและบริการแต่ละครั้งของผู้บริโภคมักได้รับอิทธิพลจากข้อมูลในสื่อดั่งเดิม เช่นหนังสือพิมพ์หรือคำแนะนำแบบปากต่อปากเป็นหลัก  แต่พอมาในยุคหลังที่อินเทอร์เน็ตเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน อิทธิพลจากสื่อในรูปแบบเดิมก็ถูกแทนที่ด้วยข้อมูลบนโลกออนไลน์ โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มหันมาใช้วิธีการหาเสิร์ชข้อมูลสินค้าหรือบทความรีวิวออนไลน์มากขึ้น เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจก่อนการซื้อสินค้าหรือใช้บริการในร้านอาหาร

rating-star

เว็บไซต์ Bluepolointeractive.com ในอเมริกาได้สอบถามจากกลุ่มตัวอย่างที่มักเสิร์ชหาข้อมูล (รีวิว) บนโลกออนไลน์ก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าเป็นประจำ พบว่าผู้บริโภคกว่า 72% เชื่อว่าข้อมูลที่เสิร์ชบนอินเทอร์เน็ตมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เปรียบเสมือนเป็นคำแนะนำแบบส่วนตัวเลยทีเดียว

การสำรวจพบว่าข้อมูลที่ผู้บริโภคได้มาส่วนใหญ่เป็นการค้นหาผ่านเสิร์ชเอนจิ้น รวมไปถึงการค้นหาผ่านเว็บไซต์ที่มีการรวบรวมรีวิวและคำแนะนำต่างๆ ทั้งในเรื่องร้านอาหาร ที่พัก หรือแม้แต่สถานที่ท่องเที่ยว เช่น Google, Yelp และ Citysearch

ผลการรีวิวในเว็บไซต์เหล่านี้นับว่ามีอิทธิพลและมีผลกระทบโดยตรงต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากตัวอย่างของร้านอาหารที่ถูกรีวิวบนเว็บไซต์ Yelp (เว็บรีวิวร้านอาหารชื่อดังในอเมริกา) ในปี 2012 ที่ผ่านมา โดยร้านอาหารที่มีผลการรีวิวอยู่ในเกณฑ์ดีจะได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมากจนมียอดจองเต็มทุกโต๊ะ แต่ในทางกลับกันร้านอาหารที่ผลการรีวิวอยู่ในเชิงลบ ก็ได้รับผลกระทบจนเหลือยอดจองโต๊ะเพียงแค่ 1 ใน 3 เท่านั้น

นอกจากนี้ในเว็บไซต์ Yelp ที่ใช้จำนวนดาวเป็นตัววัดความนิยมของร้านอาหารก็พบว่า การที่ร้านอาหารบางร้านมีจำนวนดาวเพิ่มขึ้นเพียงแค่ครึ่งดวง ก็ส่งผลถึงจำนวนลูกค้าที่จะเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 30-49% ทีเดียว

สรุปแล้ว อิทธิพลของการรีวิวนั้นนอกจากผลของการรีวิวจะมีผลโดยตรงกับการทำธุรกิจ ยังเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการทำธุรกิจด้วย โดยสิ่งสำคัญที่แบรนด์หรือร้านค้าต่างๆไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ การรักษาคุณภาพในการทำธุรกิจให้อยู่ในเกณฑ์ดีอยู่เสมอ รวมไปถึงมีการจัดการด้านภาพลักษณ์และชื่อเสียงที่ดี และยังควรมองหาวิธีเพื่อรับมือกับฟีดแบคในด้านลบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย

คำถามสำหรับคุณในฐานะเจ้าของธุรกิจก็คือ

– คุณเคยเฝ้าระวังและติดตามรีวิวและคอมเม้นต์จากผู้บริโภค ที่ได้ไปโพสต์ไว้ตามเว็บรีวิวต่างๆไว้หรือไม่?

– คุณมีวิธีการแจ้งเตือนหรือวิธีรับรู้เมื่อมีคอมเม้นต์ในแง่ลบ (Negative Review) แล้วรึยัง?

– คุณได้เตรียมวิธีการรับมือกับสิ่งเหล่านี้ไว้บ้างแล้วรึยัง?

 

infographic-review-online

 

Credit: thumbsup.in.th  ,  visual.ly

-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=

รับโปรโมท ประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร ,ดูแลการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจร้านอาหาร
ด้วย Digital Marketing สร้างช่องทางใหม่ๆ เรียกลูกค้าผ่านโลกออนไลน์
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=

Tags: , , ,

หมดยุคบัตรสะสมแต้ม สมัยนี้ต้อง App สะสมแต้มออนไลน์บนมือถือ

เชื่อว่าหลายๆร้านอาหาร ร้านกาแฟ จะคุ้นเคยกับการเล่นโปรโมชั่นการตลาดแนวสะสมแต้มบนบัตรสะสมแต้มแบบกระดาษ เมื่อลูกค้าซื้ออาหาร/เครื่องดื่ม ตามข้อกำหนด เช่น สั่งกาแฟ 1 แก้ว ได้รับแต้ม 1 ดวง ครบ 10 ดวงแล้วได้รับฟรี 1 แก้ว หรือ ทานอาหารครบ 300 บาทได้รับแสตมป์ 1 ดวง ครบ 10 ดวงได้รับคูปองแทนเงิน 300 บาท อะไรประมาณนี้ ซึ้งถือเป็นรูปแบบการทำการตลาดแนว Loyalty Program ยุคดั้งเดิมใช้มาเนิ่นนานแล้วจริงๆ

แต่พอนานวันเข้า ความสะดวกก็ไม่เหมือนเดิม มีปัญหาและยุ่งยากมากขึ้นหลายๆอย่าง เช่น

  • ลูกค้าต้องพกบัตรสะสมแต้มจากร้านกาแฟ ร้านอาหาร หลากหลายใบเกินความจำเป็น
  • บางทีมาทานอาหารที่ร้านแล้ว แต่ดันลืมพกบัตรติดมาด้วย
  • บัตรสะสมแต้มหาย เปียกน้ำ ฉีกขาด
  • สะสมแต้มเกือบครบแล้ว แต่ลืมดูวันหมดอายุของบัตร

แล้วจะทำอย่างไรดีละ???

app loyalty program

ปัญหาเหล่านี้ เกิดขึ้นกับลูกค้าหลายๆคน จนทำให้มีผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นบนมือถือสมาร์ทโฟน หลายๆเจ้าพัฒนา App แนวนี้ขึ้นมาให้พวกเราได้ใช้กัน

วันนี้ผมขอแนะนำ 4 App เด็ดบน Smartphone ที่ช่วยร้านอาหารไม่ต้องมาวุ่นวายกับปัญหาเดิมๆอีกต่อไป  

1. App Got it (ก็อทอิท)

คำนิยามบนเฟซบุ๊คของ App Got it อธิบายไว้ว่า

Got It ได้รวบรวมบัตรสะสมแต้มของร้านค้าต่างๆมาไว้ในที่เดียว ช่วยให้คุณไม่ต้องปวดหัวกับการพกบัตรไว้เต็มกระเป๋า ซึ่งบางทีก็ทำหายหรือลืมไว้ที่บ้าน แค่ใช้แอพ Got It สแกนป้าย QR ที่พนักงานยื่นให้เพียงเท่านี้คุณก็ได้แต้มสะสมไว้ในมือถือ แล้วคุณจะไม่พลาดของรางวัลอีกต่อไป

App Got it เป็นทีมนักพัฒนาที่มาจากการประกวดการแข่งขันจากงาน AIS Startup Weekend 2011 ที่รวมตัวกันพัฒนาจากแนวคิดที่ไม่อยากพกบัตรสะสมแต้มมากมายในกระเป๋าสตางค์ จนตอนนี้เปิดตัวได้ 1 ปีกว่าๆ มี App ให้ดาวโหลดทั้งบน iPhone และ Android Phone และมีร้านค้าเข้าร่วมเป็นพันธมิตรมากมาย

App Got it

 

Got-it_au bon pain

 

ซึ้งรูปแบบการใช้งานก็สะดวกสบาย เพียงเมื่อเข้าไปที่ร้านค้าที่ร่วมรายการ เมื่อสั่งอาหาร/สั่งเครื่องดื่มครบตามเงื่อนไข ก็แจ้งกับแคชเชียร์ว่าจะใช้ Got it App ในการสะสมแต้ม พนักงานจะเอาแผ่นป้าย QR-code มาให้สแกนผ่านตัวแอพ แล้วสะสมคะแนนบนแอพได้เลย พอครบตามกำหนดแล้ว ก็แจ้งพนักงานว่าจะ Redeem รับรางวัล พนักงานก็จะมีแผ่นป้าย QR-code อีกแผ่นมาให้สแกน เพื่อปลดล็อกรางวัลได้เลยทันที

สนใจรายละเอียดลองเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.facebook.com/gotitapp

 

2. App Tamp (แต๊มป์)

คำนิยามบนเฟซบุ๊คของ Tamp อธิบายไว้ว่า

แต๊มป์เป็นบัตรสะสมแต้มในรูปแบบดิจิตัล บนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของคุณ รับแต๊มป์ทุกครั้งที่ใช้บริการจากร้านโปรด ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ ร้านขนม ร้านอาหาร หรือบริการอื่นๆ ฯลฯ ที่ร่วมรายการ เมื่อสะสมแต๊มป์ครบ แลกรางวัลและสิทธิ์พิเศษจากร้านโปรดของคุณ เมื่อใช้แต๊มป์คุณจะไม่ต้องกังวลว่าจะลืมบัตรสะสมแต้มอีกต่อไป เพราะทุกบัตรที่คุณต้องการจะอยู่ในสมาร์ทโฟนของคุณ

สำหรับ App Tamp หรือออกเสียงแบบไทยๆว่า “แต๊มป์” นั้นก็เป็นแอพสะสมแต้มออนไลน์อีกหนึ่งแอพที่เป็นที่นิยม มีแอพทั้ง 2 ค่ายแพลตฟอร์ม iOS and Android OS ไว้ให้บริการในขณะนี้

App Tamp

 

Promotion App Tamp

 

หลักการทำงานจะคล้ายๆกับ Got it คือใช้การสแกน QRcode ในการสะสมคะแนน

สนใจรายละเอียดลองเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.facebook.com/tampme

 

3. App Stamp (แอพ สแตมป์)

คำนิยามบนเฟซบุ๊คของ Tamp อธิบายไว้ว่า

 Stamp คือ app สะสมแต้มบนมือถือ ไม่ต้องพกบัตร Use your smartphone to collect stamps and earn rewards at your favorite businesses.

สำหรับแอพ Stamp นี้จะมีลูกเล่นมากกว่าแอพอื่นๆ ที่วิธีการสะสมแต้มออนไลน์ จะไม่ได้ใช้การให้มือถือของลูกค้าสแกน QRcode เหมือนเจ้าอื่นๆ แต่ทางผู้พัฒนาได้ประดิษฐ์เครื่องมือตัวสแตมป์อิเล็กทรอนิกขึ้นมาพิเศษ ที่รูปร่างเหมือนตรายางที่เราเคยเห็นๆทั่วไป แต่สามารถใช้สแตมป์สะสมคะแนนได้บนสมาร์ทโฟน

app stamp

 

app stamp promotion

สำหรับ App Stamp นี้ตอนนี้มีให้ดาวโหลดได้แล้วบน App Store ของฝั่ง Apple ส่วนทางด้านระบบ Android คาดว่าน่าจะมาเร็วๆนี้

สนใจรายละเอียดลองเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.facebook.com/getmystamp

 

4. BoxBox.Me

สำหรับ BoxBox.me นั้นไม่ได้จำกัดว่าเป็น App บนสมาร์ทโฟนเท่านั้น ถ้าลูกค้าของร้านเป็นกลุ่มคนใช้มือถือฟีเจอร์โฟนทั่วๆไปก็สามารถสะสมคะแนนกับทาง บ็อกบ็อกมี ได้เช่นกันเพียงบอกเบอร์โทรมือถือ ให้กับพนักงานก็สามารถสะสมแต้มออนไลน์ได้ทันที

app boxboxme

 

สนใจรายละเอียดลองเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.boxbox.me/

 

ถือว่าเป็นรูปแบบใหม่ของการเล่นโปรโมชั่นสะสมแต้มที่่น่าสนใจมากๆสำหรับธุรกิจร้านอาหาร ร้านกาแฟ ยุคสมาร์ทโฟนครองเมือง สนใจบริการของเจ้าไหนลองคลิกไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมกันเองนะครับ เพราะบางเจ้าก็มีบริการตัวทดลองใช้ฟรีให้ทดสอบกันก่อนด้วย

-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=

รับโปรโมท ประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร ,ดูแลการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจร้านอาหาร
ด้วย Digital Marketing สร้างช่องทางใหม่ๆ เรียกลูกค้าผ่านโลกออนไลน์
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=

Tags: , , , , , , , , ,

ผลสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้สมาร์ทโฟนกับร้านอาหาร[infographic]

วันนี้เอาข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้งานมือถือสมาร์ทโฟน ที่เกี่ยวข้องกับร้านอาหารมาให้ดูกันครับ เป็นผลสำรวจจากบริษัทวิจัยตลาด Lab42 ที่ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมของลูกค้าร้านอาหารกับการใช้งานมือถือ ทั้งก่อนจะไปทานที่ร้าน , ระหว่างทานอาหาร และหลังจากทานอาหาร ว่าคนส่วนใหญ่ใช้มือถือทำอะไรกันบ้าง

ผมอยากให้ท่านเจ้าของร้าน หรือผู้จัดการร้านทุกท่านได้รับทราบข้อมูลเหล่านี้นะครับ แล้วเอาไปลองประยุกต์ใช้กับร้านของท่านดู ว่าจะสามารถทำอะไรที่ตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคสมาร์ทโฟนครองเมืองอย่างงี้ได้บ้าง

จากผลการสำรวจทั้งหมดพบว่า 95% ของผู้ตอบคำถามใช้ Smartphone ก่อนที่เขาจะออกไปทานอาหารนอกบ้าน

คำถามแรก คุณใช้มือถือสมาร์ทโฟนทำอะไรบ้างก่อนที่จะไปทานอาหารนอกบ้าน

20% ผู้คนใช้มือถือในการบอกกับเพื่อนๆว่าเขามีแผนการจะออกไปทานอาหารที่ไหน/กับใคร/อย่างไร

19% ใช้สมาร์ทโฟนค้นหาร้านอาหารที่่น่าสนใจ

18% ใช้สมาร์ทโฟนดูเมนูอาหาร/เมนูเครื่องดื่ม ที่น่าสนใจ

18% ใช้สมาร์ทโฟนค้นหาเส้นทางเดินทางไปยังร้านอาหาร

** 85% ของผู้ตอบแบบสอบถามบอกว่า เชื่อถือรีวิวร้านอาหารจากผู้คนที่เคยไปทานอาหารร้านนั้นๆมาก่อน มากกว่าข้อมูลจากเว็บร้านอาหารโดยตรง หรือรีวิวจากนักชิมชื่อดัง

คำถามต่อมา คุณใช้สมาร์ทโฟนทำอะไรบ้างระหว่างที่กำลังรับประทานอาหารอยู่

19% ใช้สมาร์ทโฟนอัพเดทสถานะบนเฟซบุ๊ค

24% ถ่ายรูปจานอาหาร (พฤติกรรมนี้ปัจจุบันคนไทยก็นิยมมากๆเช่นกัน ที่จะต้องถ่ายรูปจานอาหารก่อนทาน)

18% เช็คอินบอกเพื่อนๆให้รู้ว่ากำลังทานอาหารที่ร้านไหน (Foursquare, Facebook Place, อื่นๆ)

13% ใช้มือถือเพื่อค้นหาร้านใกล้เคียงที่จะไปต่อหลังจากทานเสร็จ (70% ของผู้ที่ตอบช้อยนี้เป็นผู้ชาย)

คำถามถัดไป คุณใช้สมาร์ทโฟนทำอะไรบ้างหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว

22% ผู้ใช้สมาร์ทโฟนบอกว่าอัพเดทสถานะบนเฟซบุ๊ค

22% ใช้สมาร์ทโฟนค้นหาเส้นทางกลับบ้าน

14% ใช้สมาร์ทโฟนอัพรูปอาหารที่เพิ่งได้ทานไป

มีเพียง 10% เท่านั้นที่บอกว่าไม่ใช้มือถือทำอะไรเลยหลังจากทานอาหารเสร็จ

##ทั้งนี้ยังมีตัวเลขน่าสนใจอื่นๆอีกเช่น

23% ของผลสำรวจบอกว่าเขาใช้สมาร์ทโฟนเกือบจะทุกครั้งที่จะออกไปทานอาหารนอกบ้าน

49% บอกว่ามือถือสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้เมื่อจะออกไปรับประทานอาหาร

70% บอกว่าตนใช้มือถือสมาร์ทโฟนในอาหารมื้อค่ำ (Dinner) มากกว่าอาหารมื้ออื่นๆ

แอพอะไรบ้างที่คนใช้สมาร์ทโฟนนิยมใช้กัน

-Groupon/deal app แอพขายดีล (ใช้หาดีลส่วนลดร้านอาหารที่น่าสนใจ ก่อนที่จะไปทาน)

-Camera app แอพเกี่ยวกับการถ่ายรูป ตกแต่งรูป ที่จะทำให้ภาพอาหารดูน่าทานมากขึ้น (เมืองไทยตอนนี้นิยมสุดๆน่าจะเป็นแนว Instagram ที่ถ่ายรูปใส่ฟิลเตอร์แล้วโพสอัพเดท)

-Map app แอพแผนที่ หาเส้นทางไปร้านอาหาร

-Yelp ,OpenTable ,Urbanspoon แอฟรีวิร้านอาหารท้องถิ่น,จองโต๊ะออนไลน์ (สำหรับในไทยที่นิยมน่าจะเป็นแอพวงใน Wongnai, Openrice, HotSkoop, Loopin )

#########################################################################

ดูข้อมูลอินโฟกราฟฟิกนี้แล้ว น่าจะช่วยบอกอะไรกับเราได้ถึงพฤติกรรมลูกค้าร้านอาหารในยุคนี้นะครับ ลองเอาไปประยุกต์ใช้กันดูครับ ว่าร้านอาหารของท่านจะสามารถสร้างโปรโมชั่น หรือเล่นอะไรกับพฤติกรรมเหล่านี้ได้บ้าง

ยกตัวอย่างเช่น

– เช็คอิน Foursquare ที่ร้านแล้วโชร์พนักงาน รับส่วนลดเครื่องดื่ม/รับเมนูพิเศษ /เช็คอินจนได้เป็น Mayor จะได้อาหารพิเศษสุดๆ อะไรทำนองนี้

– อัพรูปภาพอาหารจานโปรดใน Facebook Fanpage ของร้านแล้วโหวตคะแนนรับรางวัลพิเศษ หรือส่วนลดพิเศษ

– อัพรูปอาหารแบบแนวๆ ใน Instagram แล้วแท็กชื่อร้าน รับรางวัลพิเศษ /ของที่ระลึก

ยังมีอีกหลากหลายแคมเปญที่จะคิดต่อยอด กับพฤติกรรมคนใช้สมาร์ทโฟนในร้านอาหารได้ครับ ลองเอาไปทำเป็นการบ้านดูนะครับ รับรองร้านของท่านจะไม่เอาท์แน่นอน

Credit : mashable.com

 

-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=

รับโปรโมท ประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร ,ดูแลการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจร้านอาหาร
ด้วย Digital Marketing สร้างช่องทางใหม่ๆ เรียกลูกค้าผ่านโลกออนไลน์
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=

Tags: , , , , ,